ทำไมค่า BMI เพียงอย่างเดียวไม่สามารถวัดสุขภาพได้ทั้งหมด?

ค่า BMI

ค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) เป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินน้ำหนักของร่างกายที่สัมพันธ์กับส่วนสูง ซึ่งช่วยให้เราทราบว่าน้ำหนักตัวของเรานั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำหนักเกิน หรืออยู่ในภาวะอ้วน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า การคำนวณ BMI จะเป็นเครื่องมือที่สะดวกและใช้ง่าย แต่ก็ไม่ได้สะท้อนภาพรวมของสุขภาพทั้งหมด เนื่องจากค่า BMI มีข้อจำกัดหลายประการที่ไม่สามารถนำมาวัดสุขภาพได้อย่างครอบคลุม

ข้อจำกัดของ BMI

  1. ไม่คำนึงถึงมวลกล้ามเนื้อและไขมัน
    BMI ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าร่างกายของเราประกอบด้วยมวลกล้ามเนื้อหรือไขมันมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างเช่น นักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายและมีกล้ามเนื้อมาก อาจมีค่า BMI สูงและถูกจัดอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักเกินหรืออ้วน ทั้งที่จริงๆ แล้วสุขภาพของพวกเขาดีและมีไขมันในร่างกายต่ำ
  2. ไม่วัดปริมาณไขมันในอวัยวะภายใน
    BMI ไม่สามารถบอกถึงการสะสมของไขมันในบริเวณอวัยวะภายในได้ แม้ว่าคุณจะมีค่า BMI ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้ามีการสะสมของไขมันในอวัยวะ เช่น ตับ หรือรอบๆ หัวใจ ก็ยังคงเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ
  3. ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยด้านสุขภาพอื่นๆ
    BMI เป็นเพียงตัวชี้วัดน้ำหนักเมื่อเทียบกับส่วนสูงเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ เช่น ระดับความดันโลหิต, ระดับคอเลสเตอรอล, อัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก หรือการตรวจสุขภาพโดยรวม ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถบอกถึงภาวะสุขภาพได้ดีกว่า BMI เพียงอย่างเดียว

การวัดสุขภาพที่ครอบคลุมกว่านี้

การประเมินสุขภาพควรมีการตรวจวัดที่ครอบคลุมมากกว่า BMI เพียงอย่างเดียว มีหลายวิธีที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น:

  1. การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
    การวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าไขมันส่วนเกินในร่างกายมีมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับมวลกล้ามเนื้อ วิธีนี้สามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดไขมันแบบดิจิตอลหรือการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การวัดด้วยเครื่อง DEXA Scan
  2. การวัดเส้นรอบเอวและสะโพก
    การวัดเส้นรอบเอวหรือสะโพกสามารถบ่งบอกถึงระดับไขมันสะสมในช่องท้อง ซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ การมีเส้นรอบเอวที่ใหญ่เกินไปมักเกี่ยวข้องกับภาวะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นอันตรายมากกว่าการมีไขมันใต้ผิวหนัง
  3. การตรวจสุขภาพแบบละเอียด
    การตรวจสุขภาพประจำปีที่รวมถึงการวัดความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้มากกว่าการพิจารณา BMI เพียงอย่างเดียว การติดตามค่าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

ทำไมการดูแลสุขภาพถึงควรทำแบบองค์รวม?

แม้ BMI จะเป็นตัวชี้วัดที่ดีสำหรับการประเมินน้ำหนักในกลุ่มประชากรทั่วไป แต่การวัดสุขภาพแบบองค์รวมและหลากหลายวิธีจะช่วยให้คุณทราบถึงภาวะสุขภาพที่แท้จริงได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับทั้งการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save