ฟักทอง ภาษาอังกฤษ
คำว่า “ฟักทอง” ในภาษาอังกฤษคือ Pumpkin
ฟักทอง ชื่อวิทยาศาสตร์
ชื่อวิทยาศาสตร์ของฟักทองคือ Cucurbita moschata
ฟักทอง เป็นผักหรือผลไม้
ฟักทอง จัดเป็นผลไม้ทางพฤกษศาสตร์ เพราะเกิดจากการพัฒนาของรังไข่ดอกไม้ แต่ในทางการทำอาหาร ฟักทองมักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผัก เนื่องจากการใช้งานที่เป็นวัตถุดิบในอาหารคาวมากกว่าหวาน
ฟักทอง ประโยชน์
ฟักทอง เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีคุณค่าสูงต่อร่างกาย โดยมีประโยชน์ดังนี้
- อุดมไปด้วยวิตามิน A: ฟักทองมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคตาที่เกิดจากความเสื่อม
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ: ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ฟักทองช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวพรรณสดใส
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามิน C ในฟักทองช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง
- ช่วยในระบบย่อยอาหาร: ฟักทองมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องการย่อยและการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
- แคลอรีต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากฟักทองมีแคลอรีต่ำ แต่ให้สารอาหารที่มีคุณค่า
ฟักทอง โทษ
แม้ว่าฟักทอง จะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษบางประการหากบริโภคมากเกินไปหรือในสภาวะที่ไม่เหมาะสม
- อาจเกิดอาการแพ้: บางคนอาจแพ้ฟักทอง ทำให้เกิดอาการคัน ผื่นขึ้น หรือปวดท้อง
- ระดับน้ำตาลในเลือด: ฟักทองมีคาร์โบไฮเดรตที่อาจส่งผลต่อน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
- อาการท้องอืด: การรับประทานฟักทองในปริมาณมากอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและท้องอืดได้
ฟักทอง ทําอะไรได้บ้าง
ฟักทอง สามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลายรูปแบบทั้งคาวและหวาน เช่น
- แกงฟักทอง: เมนูอาหารไทยที่ทำจากฟักทองในน้ำแกงเข้มข้น
- สลัดฟักทอง: ฟักทองอบหรือนึ่งใช้เป็นส่วนประกอบในสลัด
- ฟักทองผัดไข่: เมนูผัดที่ทำง่ายและอร่อย
- ฟักทองนึ่ง: สามารถนึ่งรับประทานเป็นของว่างหรืออาหารเช้าเพื่อสุขภาพ
- ขนมฟักทอง: ฟักทองยังใช้ในการทำขนมไทย เช่น ฟักทองเชื่อม หรือใช้ในพายฟักทอง
สรุป
ฟักทอง (Pumpkin) เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพในหลายด้าน แต่การบริโภคควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันโทษที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพ