กล้วย เป็นผลไม้ที่คนไทยนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง กล้วยสามารถรับประทานเป็นของว่าง หรือใช้เป็นอาหารหลักสำหรับการควบคุมน้ำหนักได้
กล้วยมีกี่ชนิด?
กล้วยที่นิยมบริโภคในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์ ได้แก่:
- กล้วยหอม – เนื้อเนียน หอมหวาน
- กล้วยน้ำว้า – นิยมใช้เป็นอาหารเด็ก และแปรรูป
- กล้วยไข่ – ขนาดเล็ก หวานอร่อย
- กล้วยหักมุก – ต้องผ่านการปรุงสุกก่อนกิน
- กล้วยเล็บมือนาง – ลูกเล็ก เปลือกบาง
กล้วยให้พลังงานเท่าไหร่?
พลังงานที่ได้จากกล้วยแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับขนาดและความสุกของกล้วย
ชนิดของกล้วย | พลังงาน (แคลอรี่) ต่อ 100 กรัม |
---|---|
กล้วยหอม | 89 แคลอรี่ |
กล้วยน้ำว้า | 90-100 แคลอรี่ |
กล้วยไข่ | 85 แคลอรี่ |
กล้วยหักมุก | 110 แคลอรี่ (เมื่อปรุงสุก) |
กล้วยเล็บมือนาง | 80 แคลอรี่ |
ประโยชน์ของกล้วย
1. ให้พลังงานสูงและย่อยง่าย
- กล้วยเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่ให้พลังงานสูงและดูดซึมได้ง่าย
2. ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร
- กล้วยมีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
- กล้วยดิบมีสารแทนนิน ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย
3. ลดความดันโลหิต
- กล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
4. บำรุงหัวใจและสมอง
- วิตามินบี 6 และแมกนีเซียมในกล้วยช่วยบำรุงระบบประสาท
5. ลดความเครียดและช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
- มีสารเซโรโทนินที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ และช่วยให้หลับสบาย
6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- กล้วยมีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
ความแตกต่างระหว่างกล้วยดิบกับกล้วยสุก
- กล้วยดิบ มีแป้งสูงและช่วยให้อิ่มนาน
- กล้วยสุก มีน้ำตาลสูงกว่าและย่อยง่าย
ข้อควรระวังในการรับประทานกล้วย
- การรับประทานกล้วยมากเกินไป อาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในร่างกายสูงเกินไป
- ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม (ประมาณ 1-2 ผลต่อวัน)
สรุป
กล้วย เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร ให้พลังงานสูง ย่อยง่าย และช่วยเสริมสุขภาพได้หลากหลาย แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะโพแทสเซียมเกินและน้ำตาลในเลือดสูง