อาการปวดท้องข้างขวา เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งตำแหน่งด้านขวาของช่องท้องมีอวัยวะหลายอย่างที่อาจเป็นต้นเหตุของอาการ เช่น ไส้ติ่ง ตับ ถุงน้ำดี หรือแม้กระทั่งลำไส้ การวินิจฉัยเบื้องต้นจากตำแหน่งและลักษณะของอาการจะช่วยให้รู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร และเมื่อไรควรไปพบแพทย์
สาเหตุของอาการปวดท้องด้านขวาที่พบบ่อย
- ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
อาการเริ่มจากปวดรอบสะดือแล้วลามมาที่ท้องด้านขวาล่าง ปวดแบบรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีไข้ คลื่นไส้ หรือเบื่ออาหาร ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ควรพบแพทย์ทันที - ถุงน้ำดีอักเสบหรือนิ่วในถุงน้ำดี
ปวดแน่นบริเวณด้านขวาบนของท้อง มักเกิดหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ขวาได้ - โรคตับ (เช่น ตับอักเสบ หรือตับโต)
ปวดบริเวณชายโครงขวา อาจมีอาการร่วม เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร - ลำไส้อักเสบหรือลำไส้แปรปรวน (IBS)
อาการปวดบิดที่ท้องด้านขวา มักสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารหรือความเครียด บรรเทาได้หลังถ่ายอุจจาระ - ท้องอืด แก๊สในลำไส้
ลมในลำไส้สะสมมากเกินไป อาจปวดเป็นพัก ๆ แน่นท้อง ร่วมกับเรอหรือผายลมบ่อย - ซีสต์รังไข่หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ในผู้หญิง)
ถ้าเกิดที่ข้างขวา จะปวดท้องด้านขวาล่าง โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน
วิธีสังเกตอาการปวดท้องข้างขวาที่ควรไปพบแพทย์
- ปวดเฉียบพลันและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
- ปวดร่วมกับไข้ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องแข็ง
- ปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ เช่น มีเลือดปน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อปวดท้องข้างขวา
- งดอาหารหนักหรือของมันจัด
เพื่อให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป - ประคบร้อนบริเวณที่ปวด
ช่วยคลายกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการในบางกรณี เช่น ปวดจากลำไส้แปรปรวน - พักผ่อนให้เพียงพอ
หลีกเลี่ยงการออกแรงหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องมาก - จดบันทึกอาการ
เวลาเริ่มปวด ลักษณะการปวด สิ่งที่รับประทานก่อนหน้านั้น เพื่อใช้ในการประเมินอาการเมื่อพบแพทย์
สรุป
อาการปวดท้องข้างขวา อาจมาจากหลายสาเหตุ ทั้งที่ไม่รุนแรง เช่น ท้องอืด หรืออาจเป็นภาวะอันตราย เช่น ไส้ติ่งอักเสบ การสังเกตอาการร่วม เช่น ตำแหน่ง ความรุนแรง ระยะเวลาที่ปวด จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรดูแลตัวเองต่อ หรือพบแพทย์โดยเร็วเพื่อรับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที