มะเร็งปอดคืออะไร? ทำไมถึงอันตราย?
มะเร็งปอด เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในเพศชายและหญิง ความอันตรายของโรคนี้คือ ไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยหลายคนตรวจพบเมื่อโรคลุกลามมากแล้ว
การตรวจพบมะเร็งปอดในระยะแรกช่วยเพิ่มโอกาสรักษาหายได้ถึง 90%
7 สัญญาณเตือนมะเร็งปอดที่ต้องรู้
1. ไอเรื้อรังมากกว่า 2 สัปดาห์
- ไอแห้งๆ ติดต่อกันยาวนาน
- ไอที่ไม่หายด้วยยาธรรมดา
- เสียงไอเปลี่ยนจากเดิม
2. ไอเป็นเลือดหรือเสมหะปนเลือด
- พบเลือดในเสมหะ
- เสมหะมีสีแดงหรือน้ำตาลเข้ม
- ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
3. เจ็บหน้าอกเวลาหายใจ
- ปวดแสบบริเวณหน้าอก
- เจ็บมากขึ้นเมื่อหายใจลึก
- อาการไม่หายด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
4. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- รู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
- ไม่มีแรงทำกิจกรรมที่เคยทำได้
- นอนหลับไม่หาย
5. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ลดน้ำหนักมากกว่า 5% ใน 6 เดือน
- ไม่ได้ลดอาหารหรือออกกำลังกาย
- หน้าตาผอมลงเห็นได้ชัด
6. หายใจมีเสียงดังผิดปกติ
- มีเสียงแหลมเวลาหายใจ
- หายใจหอบหรือขัด
- รู้สึกหายใจไม่อิ่ม
7. เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน
- เสียงแหบไม่หาย
- เสียงเปลี่ยนจากเดิมโดยไม่มีหวัด
- พูดเหนื่อยง่าย
สาเหตุเสี่ยงมะเร็งปอดที่คนไทยต้องระวัง
1. มลพิษทางอากาศ
- ฝุ่น PM 2.5 พบมากในภาคเหนือ จากการเผาป่าและไฟไหม้
- สารเคมีในอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรม
- ไอเสียจากรถยนต์ในเมืองใหญ่
2. การสูบบุหรี่และควันบุหรี่มือสอง
- สูบบุหรี่โดยตรง
- อยู่ใกล้ผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ
- ทำงานในสถานที่มีควันบุหรี่
3. ปัจจัยทางพันธุกรรม
- มีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็งปอด
- พบในครอบครัวที่ไม่สูบบุหรี่
- ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า
4. สารกัมมันตรังสีและสารเคมี
- แร่เรดอนในวัสดุก่อสร้าง
- สารเคมีในท่อระบายน้ำเก่า
- การทำงานในโรงงานสารเคมี
ชนิดมะเร็งปอดและระยะของโรค
มะเร็งปอด 2 ชนิดหลัก
1. มะเร็งปอดเซลล์เล็ก (Small Cell)
- พบ 10-15% ของผู้ป่วย
- แพร่กระจายเร็วมาก
- อันตรายสูง ต้องรักษาเร่งด่วน
2. มะเร็งปอดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell)
- พบ 85-90% ของผู้ป่วย
- แพร่กระจายช้ากว่า
- รักษาได้ดีหากพบเร็ว
ระยะของโรคและการรักษา
- ระยะที่ 1-2: รักษาด้วยการผ่าตัด อัตราหายสูง
- ระยะที่ 3: ใช้เคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษา
- ระยะที่ 4: แพร่กระจายไปอวัยวะอื่น รักษาเพื่อควบคุมโรค
วิธีป้องกันมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพ
การปรับพฤติกรรมประจำวัน
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่
- หยุดสูบบุหรี่ทันที
- หลีกเลี่ยงพื้นที่มีคนสูบบุหรี่
- ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน
- ป้องกันมลพิษอากาศ
- สวมหน้ากาก N95 เมื่อออกจากบ้าน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งยามฝุ่นหนา
- เลือกเส้นทางที่มีต้นไม้มาก
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- กินผักผลไม้สีเข้มวันละ 5 ส่วน
- เลือกอาหารที่มีวิตามิน C และ E
- ดื่มน้ำเพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว
การตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน
กลุ่มเสี่ยงควรตรวจ:
- อายุ 50 ปีขึ้นไป
- สูบบุหรี่หรือเลิกสูบไม่เกิน 15 ปี
- มีญาติเป็นมะเร็งปอด
- ทำงานสัมผัสสารเคมี
การตรวจที่แนะนำ:
- CT Low Dose ตรวจได้ละเอียด พบก้อนเนื้อเล็กๆ
- เอกซเรย์ทรวงอก ปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจเลือดหาตัวชี้วัดมะเร็ง
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
อาการเร่งด่วนที่ต้องรีบพบแพทย์
- ไอเป็นเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ
- หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม
- ปวดหน้าอกรุนแรง
- น้ำหนักลดเร็วมาก (เดือนละ 2-3 กิโล)
แนวทางการรักษาสมัยใหม่
- การผ่าตัดแบบส่องกล้อง – บาดแผลเล็ก หายเร็ว
- เคมีบำบัดเป้าหมาย – โจมตีเฉพาะเซลล์มะเร็ง
- ภูมิคุ้มกันบำบัด – กระตุ้นร่างกายสู้มะเร็งเอง
- รังสีรักษาแม่นยำ – ลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติ
สรุป: การป้องกันดีกว่าการรักษา
มะเร็งปอดเป็นโรคร้ายแรงแต่สามารถป้องกันและรักษาได้หากตรวจพบเร็ว การรู้จัก 7 สัญญาณเตือน การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับโรคนี้