ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนไม่มา เป็นเวลานานอาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและสงสัยว่าเกิดจากอะไร ประจำเดือน (Mense) คือ เลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูก มักมีรอบประจำเดือนทุก 21-36 วัน
ส่วนประจำเดือนขาด (Amenorrhea) คือ ภาวะที่ประจำเดือนหายไปอย่างน้อย 3 เดือน หรือมาช้ากว่ากำหนด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ภาวะขาดประจำเดือนปฐมภูมิ และภาวะขาดประจำเดือนทุติยภูมิ
สาเหตุของประจำเดือนขาด
1. การตั้งครรภ์
- สาเหตุหลักที่ทำให้ประจำเดือนขาด และเป็นสาเหตุแรกที่หลายคนคิดถึง
2. ความเครียดและวิตกกังวล
- มีผลต่อฮอร์โมนทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
3. การใช้ยาคุมกำเนิด
- ยาคุมกำเนิดที่ใช้เป็นระยะเวลานานอาจส่งผลต่อการมาของประจำเดือน
4. ช่วงให้นมลูก
- ประจำเดือนอาจขาดหรือไม่มาในช่วงนี้
5. วัยทอง
- การหมดวัยเจริญพันธุ์ทำให้ประจำเดือนหยุด
6. เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง
- อาจส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมน
7. ระดับฮอร์โมนผิดปกติ
- การผลิตฮอร์โมนมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อประจำเดือน
8. น้ำหนักเพิ่มหรือลดมากเกินไป
- อาหารและน้ำหนักตัวมีผลต่อรอบประจำเดือน
9. ออกกำลังกายมากเกินไป
- ส่งผลต่อไขมันในร่างกายและฮอร์โมน
10. โรคเกี่ยวกับมดลูก
- โรคบางอย่างที่มีผลต่อมดลูกอาจทำให้ประจำเดือนขาด
11. โรคอื่นๆ
- โรคของต่อมไธรอยด์, ตับอ่อน, หรือต่อมหมวกไต
12. ถุงน้ำรังไข่หลายใบ
- รังไข่มีถุงน้ำเป็นจำนวนมากทำให้ไข่ไม่ตก
ผลกระทบของประจำเดือนขาด
1. เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งมดลูก
2. มีลูกยาก
- ส่งผลต่อการมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติ
3. อาการเจ็บป่วยแฝง
- การขาดประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น
4. กระดูกพรุน
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำทำให้มวลกระดูกลดลง
การรักษาและป้องกัน
1. ผ่อนคลายและจัดการความเครียด
- การผ่อนคลายสามารถช่วยในการคงรอบประจำเดือน
2. สังเกตร่างกาย
- จดบันทึกและสังเกตความผิดปกติ
3. ควบคุมการออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
4. ควบคุมน้ำหนัก
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- เน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติ
7. พบแพทย์
- ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม