โรคหัด เป็นโรคติดต่อที่มีลักษณะเป็นไข้และออกผื่น ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Morbillivirus โดยพบได้ทั่วไปในเด็กเล็กและอาจพบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ได้เช่นกัน
อันที่จริงแล้วโรคหัดนั้นเป็นโรคที่มีการติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ทั้งนี้โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนแม้ว่าจะยังไม่มียารักษาเฉพาะที่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างตรงจุด
อาการโรคหัด
อาการของโรคหัดแบ่งออกเป็นระยะต่างๆ ระยะฟักตัวประมาณ 8-12 วัน จากนั้นผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะเริ่มต้น ซึ่งมีอาการไข้สูง อ่อนเพลีย มีไอที่เด่นชัด ตาแดง และอาการเหมือนแพ้แสง ผู้ป่วยอาจมีจุดขาวๆ บนพื้นแดงที่บริเวณกระพุ้งแก้มที่เรียกว่า Koplik spots ที่เป็นลักษณะพิเศษของโรคหัด ต่อมาในระยะผื่น ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นที่ศีรษะและกระจายไปทั่วร่างกาย ซึ่งจะทำให้ไข้ยังคงสูงและมีอาการไอ ตาแดงอยู่
นอกจากนี้ โรคหัดยังสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ ถ่ายเหลว และสมองอักเสบ ซึ่งภาวะเหล่านี้พบได้ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วยโรคหัด โดยผู้ที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุน้อย ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะทุพโภชนาการ
การรักษาโรคหัด
การรักษาโรคหัด นั้นทำได้โดยการรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น การให้ยาลดไข้ ให้สารน้ำ และอาหารอย่างเพียงพอ การรับประทานวิตามินเอเสริมในผู้ป่วยโรคหัดสามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อนและอัตราการเสียชีวิตได้ การป้องกันโรคหัดควรทำโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ซึ่งในประเทศไทยแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 9 เดือน และครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง นอกจากนี้ควรรายงานผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหัดให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อช่วยในการควบคุมการแพร่กระจายของโรค