รู้จัก โรคลมชัก การรักษา อาหารที่ห้าม ของแสลง และอันตรายที่ควรรู้

โรคลมชัก

โรคลมชัก ภาษาอังกฤษ

โรคลมชัก ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Epilepsy เป็นภาวะที่สมองทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการชักและส่งผลกระทบต่อระบบประสาท

อาการของโรคลมชัก

อาการชักของโรคลมชักมีหลากหลายรูปแบบ โดยแบ่งตามส่วนของสมองที่ถูกกระตุ้น ดังนี้

  1. อาการชักแบบไม่รู้ตัว: ผู้ป่วยจะหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่และสูญเสียการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว อาจมีการทำสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น เดินไปเดินมา ถูมือไปมา หรือพูดคำซ้ำๆ อาการนี้มักเกิดนาน 2-4 นาที และอาจตามด้วยการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว
  2. อาการชักแบบเหม่อ: ผู้ป่วยจะมีอาการเหม่อลอย ไม่รู้ตัวประมาณ 5-10 วินาที อาจถูกเข้าใจผิดว่าใจลอย อาการนี้มักเกิดขึ้นในเด็กอายุ 6-14 ปี
  3. อาการชักหมดสติทันที: ผู้ป่วยจะสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้ออย่างฉับพลัน ทำให้ล้มลงอย่างกะทันหัน
  4. อาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว (หรือที่เรียกว่า ลมบ้าหมู): ผู้ป่วยจะหมดสติอย่างรวดเร็ว มีอาการเกร็งทั้งตัว ตาเหลือก กัดฟัน หยุดหายใจชั่วคราว และมีการกระตุกของแขนขา อาจมีการกัดลิ้นและน้ำลายไหลเป็นฟอง อาการนี้จะหยุดไปเองในเวลา 2-3 นาที

วิธีรักษาโรคลมชักให้หายขาด

โรคลมชัก ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทุกกรณี แต่สามารถควบคุมอาการได้โดย

  1. การใช้ยา: ยากันชัก (Antiepileptic drugs) เป็นวิธีการรักษาหลักที่ใช้ควบคุมอาการชัก การรับประทานยาเป็นประจำสามารถช่วยลดอาการชักได้ในหลาย ๆ คน
  2. การผ่าตัด: สำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา การผ่าตัดสมองบางส่วนอาจเป็นทางเลือกในการควบคุมอาการ
  3. การกระตุ้นเส้นประสาทวากัส (Vagus Nerve Stimulation): เป็นการฝังเครื่องกระตุ้นเส้นประสาทใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยลดความถี่ของการชัก
  4. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรับประทานอาหาร: การรับประทานอาหารคีโต (Ketogenic Diet) อาจช่วยลดอาการชักในบางคนที่ไม่ตอบสนองต่อยา
  5. การตรวจสุขภาพและติดตามอาการ: การรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับการใช้ยาและวิธีการรักษาให้เหมาะสม

โรคลมชักห้ามกินอะไร

อาหารและพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคลมชัก ได้แก่

  1. คาเฟอีน: เช่น กาแฟ ชา และเครื่องดื่มชูกำลัง ที่มีคาเฟอีนสูงอาจกระตุ้นอาการชัก
  2. แอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำให้ระดับยากันชักในเลือดผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงในการชัก
  3. น้ำตาลสูงและอาหารแปรรูป: อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารแปรรูปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งอาจกระตุ้นอาการชักได้
  4. อาหารที่มีสารเจือปน: เช่น สารปรุงแต่งและสารกันเสีย ที่อาจมีผลต่อระบบประสาทและกระตุ้นการชัก

ของแสลง โรคลมชัก

ของแสลงที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคลมชัก ได้แก่

  1. อาหารรสจัด: อาหารที่มีเครื่องเทศรสจัด หรือเผ็ดมาก อาจทำให้ระบบประสาทถูกกระตุ้น
  2. อาหารที่มีผงชูรส: ผงชูรสและสารเคมีบางชนิดในอาหารอาจกระตุ้นอาการชักได้
  3. การอดนอนและความเครียด: ปัจจัยเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการชักได้

โรคลมชักอันตรายไหม

โรคลมชักมีความอันตรายในบางกรณี หากผู้ป่วยมีอาการชักที่รุนแรงหรือชักติดต่อกันเป็นเวลานาน (สถานะชัก หรือ Status Epilepticus) อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บสมองได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการหกล้ม การสำลัก หรือเกิดอุบัติเหตุขณะชัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

โรคลมชัก อาการทางจิต

ผู้ป่วยโรคลมชัก บางรายอาจมีอาการทางจิต เช่น อาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรืออารมณ์แปรปรวน ซึ่งอาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาหรือผลกระทบจากอาการชักซ้ำ ๆ การรักษาทางจิตเวช เช่น การให้ยารักษาโรคจิตและการบำบัด จึงเป็นสิ่งจำเป็นในบางกรณี

การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์จะช่วยลดอาการชักและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยโรคลมชัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save