ผักปลัง เป็นพืชผักพื้นบ้านที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยเฉพาะตามรั้วบ้าน ริมทาง หรือในป่าละเมาะ จัดอยู่ในวงศ์ Basellaceae เป็นพืชล้มลุกที่เลื้อยพัน มีลำต้นอวบน้ำ สีเขียวหรือม่วงแดง ใบกลมรี ปลายแหลม ดอกออกเป็นช่อเล็กๆ สีขาวหรือม่วง ผลกลมเล็กเมื่อสุกจะมีสีม่วงดำ เนื้อในสีม่วงคล้ำ ซึ่งเป็นที่มาของสีที่ใช้ย้อมผ้าหรือทำขนม ผักปลังเป็นผักที่นอกจากจะหาง่าย ปลูกง่ายแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของผักปลัง
ผักปลังมี 2 ชนิดหลักๆ ที่นิยมนำมาบริโภค คือ:
- ผักปลังขาว: ลำต้นและก้านมีสีเขียว ใบมีสีเขียวอ่อน
- ผักปลังแดง (หรือผักปลังม่วง): ลำต้นและก้านมีสีม่วงแดง ใบมีสีเขียวอมม่วง
ทั้งสองชนิดมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายกัน แต่ผักปลังแดงมักถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านสีธรรมชาติมากกว่า
คุณค่าทางโภชนาการของผักปลัง
ผักปลังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
- วิตามินเอสูง: ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- วิตามินซี: มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- แคลเซียม: ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ธาตุเหล็ก: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- ใยอาหาร: มีสูงมาก ซึ่งช่วยในระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, ไนอะซิน และสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ
ในตำรายาไทยและแพทย์พื้นบ้าน มีการนำผักปลังมาใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน เช่น:
- ช่วยในการขับถ่าย: เนื่องจากมีใยอาหารและเมือกสูง จึงช่วยให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายสะดวก บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี
- ลดไข้และดับพิษร้อน: ผักปลังมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการไข้ ตัวร้อน
- บำรุงผิวพรรณ: วิตามินเอและวิตามินซีช่วยบำรุงผิวให้สดใส ชุ่มชื้น
- แก้ปวดข้อและปวดบวม: ใช้ตำพอกแก้ปวดข้อหรืออาการฟกช้ำ
- แก้อาการอักเสบในลำคอ: ใช้ใบลนไฟให้พออุ่นแล้วคั้นน้ำดื่ม เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
- ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
- บำรุงกำลัง: มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย
- แก้อาการท้องเสียและบิด: บางตำราใช้รักษาอาการท้องเสีย
การนำผักปลังมาประกอบอาหาร
ผักปลังสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ลื่น และมีรสจืด ทำให้เข้ากับอาหารได้หลายชนิด:
- แกงเลียง: เป็นเมนูยอดนิยมที่ใส่ผักปลัง ให้รสชาติกลมกล่อมและได้ประโยชน์ครบถ้วน
- แกงอ่อม: ใช้ผักปลังเป็นผักหลัก เพิ่มความอร่อยและคุณค่า
- ลวกจิ้มน้ำพริก: เป็นผักลวกที่ทานคู่กับน้ำพริกได้อร่อย
- ผัดน้ำมันหอย: เมนูง่ายๆ ที่ได้คุณประโยชน์เต็มที่
- ใส่ในไข่เจียว: เพิ่มคุณค่าทางอาหาร
- ทำขนมหรือย้อมสีอาหาร: ผักปลังแดงให้น้ำสีม่วงสวยงาม นิยมนำมาทำขนม เช่น ขนมดอกอัญชัน หรือใช้ย้อมสีอาหาร
ข้อควรระวังในการบริโภค
แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:
- ไม่ควรบริโภคดิบ: เนื่องจากในผักปลังมีสารกลุ่มออกซาเลต (Oxalate) ซึ่งอาจก่อให้เกิดนิ่วในไตได้ หากรับประทานในปริมาณมากและเป็นประจำ ควรนำมาทำให้สุกก่อนบริโภคเสมอ
- ผู้ที่มีประวัตินิ่วในไต: ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผักปลังในปริมาณมาก
สรุป
ผักปลังเป็นผักพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์และสรรพคุณทางยามากมาย ไม่เพียงแต่ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้อีกด้วย การนำผักปลังมาเป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหารจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพแบบง่ายๆ ใกล้ตัว
คุณลองนำผักปลังมาประกอบอาหารเมนูโปรดของคุณดูสิ แล้วคุณจะค้นพบว่าผักพื้นบ้านชนิดนี้มีเสน่ห์ไม่แพ้ผักอื่นๆ เลย!