โรคกระเพาะ อาการยอดฮิตของคนยุคเร่งรีบ ปวดแสบ จุกเสียด หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด มารู้จักสาเหตุ วิธีรักษา และการดูแลตัวเองให้หายขาด พร้อมสัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์
โรคกระเพาะคืออะไร ใครก็เป็นได้
“โรคกระเพาะ” หรือแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตรีบเร่ง เครียด พักผ่อนน้อย หรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดแสบ ปวดตื้อ จุกเสียดใต้ลิ้นปี่ ซึ่งอาจเกิดก่อนหรือหลังอาหาร รวมถึงตอนท้องว่างหรือตอนกลางคืน
สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกระเพาะ
โรคนี้เกิดจากการหลั่งกรดเกิน ร่วมกับเยื่อบุกระเพาะอ่อนแอลง โดยมีปัจจัยเสริม เช่น การติดเชื้อ Helicobacter pylori การดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม การกินยาบางชนิด (แอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ ยาชุด) รวมถึงพฤติกรรมการกินไม่เป็นเวลา สูบบุหรี่ และความเครียดสะสม
การรักษาและดูแลตัวเอง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่รักษาด้วยยา เช่น ยาลดกรด หรือยาปฏิชีวนะ (ถ้าเกิดจากเชื้อ H. pylori) โดยมักใช้เวลา 6–8 สัปดาห์ในการฟื้นตัว ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม เช่น กินอาหารตรงเวลา หลีกเลี่ยงของระคายเคือง (ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่) เลือกอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย และพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ ควรรีบพบแพทย์ทันที
สรุป
โรคกระเพาะ ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากละเลยจนเรื้อรังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ การรักษาอย่างถูกต้องและปรับพฤติกรรมการกิน-การใช้ชีวิตคือหัวใจสำคัญ หากดูแลตัวเองสม่ำเสมอ โรคกระเพาะสามารถหายขาดได้