อธิบดีกรมการแพทย์ของไทยได้เน้นย้ำถึงปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ ไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสภาวะที่ไขมันสะสมในเซลล์ตับ โดยมักเกิดจากการดื่มสุราเป็นประจำ, อ้วน, เป็นเบาหวาน, มีไขมันในเลือดสูง, หรือความดันโลหิตสูง
ไขมันพอกตับ อาการเป็นอย่างไร
ผู้ที่มีภาวะนี้มักไม่มีอาการในระยะแรก แต่หากมีอาการอักเสบของตับ เช่น อ่อนเพลีย, เหนื่อยง่าย, รู้สึกอึดอัด, ปวดแน่นที่ชายโครงด้านขวา และอาการท้องอืด เป็นต้น หากไม่รักษาอาจนำไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับได้
ไขมันพอกตับ มีวิธีรักษาอย่างไร
เพื่อป้องกันและรักษา ไขมันพอกตับ ควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ควบคุมอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่มีแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรักษาระดับน้ำตาลและควบคุมไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ อธิบดีกรมการแพทย์แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่มีสุขลักษณะ จำกัดประเภทและปริมาณอาหารพลังงานสูง และหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากโรค
อาหารช่วยป้องกันไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับ สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย อาหารที่ช่วยป้องกันไขมันพอกตับ ได้แก่
- ผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ใยอาหารจะช่วยดูดซับไขมันและคอเลสเตอรอลในทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันเข้าสู่กระแสเลือดได้น้อยลง นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องตับจากความเสียหาย
- โปรตีนจากพืชและสัตว์ โปรตีนจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อตับที่ถูกทำลาย โปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว เต้าหู้ ถั่วเหลือง งา โปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ นม โยเกิร์ต
- ไขมันดี ไขมันดี เช่น ไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ไขมันโอเมก้า 3 พบได้ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ถั่วเหลือง เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันงา
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ช่วยลดการกินจุบจิบ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
- อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูง ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์พบได้ในอาหารแปรรูป อาหารทอด อาหาร fast food
- น้ำตาลสูง น้ำตาลจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและกระตุ้นให้ตับผลิตไขมัน
- แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะทำลายตับ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็มีส่วนช่วยป้องกันไขมันพอกตับได้ โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์