องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดของเชื้อ “เอ็มพ็อกซ์” หรือ “ฝีดาษลิง” เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก หลังพบการแพร่ระบาดที่รุนแรงในแอฟริกา โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และมีความเสี่ยงที่จะกระจายไปยังประเทศอื่นๆ
การประกาศภาวะฉุกเฉินของ WHO
การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมฉุกเฉินของ WHO โดยมี เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO เป็นผู้นำการประชุม ภาวะฉุกเฉินนี้ถูกประกาศเพื่อเตือนให้ประเทศต่างๆ ตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดที่อาจแพร่กระจายไปทั่วโลก
สถานการณ์การระบาด เอ็มพ็อกซ์ ในแอฟริกา
WHO รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ “เอ็มพ็อกซ์” ในแอฟริกาแล้วกว่า 14,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 524 ราย โดยผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากประเทศคองโก ซึ่งมีความกังวลว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น
ทำความรู้จักกับ “เอ็มพ็อกซ์”
“เอ็มพ็อกซ์” หรือ “ฝีดาษลิง” เป็นโรคที่ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1958 โดยเป็นโรคที่คล้ายกับฝีดาษในลิง การติดเชื้อในมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก
ความกังวลต่อการแพร่ระบาด
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อ “เอ็มพ็อกซ์” ในแอฟริกาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อใน 13 ประเทศในทวีปแอฟริกา นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ถึง 10% ในประเทศคองโก
ผลกระทบต่อการระบาดในส่วนอื่น ๆ ของโลก
ไวรัส “เอ็มพ็อกซ์” อาจแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ โดยมีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศแอฟริกาตะวันออก และมีการตรวจพบสายพันธุ์ใหม่ในสวีเดนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แนวทางการหยุดยั้งการระบาด เอ็มพ็อกซ์
WHO เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือแอฟริกาในการควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคองโกที่ยังขาดแคลนวัคซีนและยารักษา
ความแตกต่างของการระบาดในปีนี้กับปี 2022
ในการระบาดของ “เอ็มพ็อกซ์” ปี 2022 ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชายรักเพศเดียวกัน แต่ในปีนี้ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี กลายเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อหลักในคองโก ซึ่งทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดเป็นเรื่องท้าทายมากยิ่งขึ้น
การรับมือของไทย
กรมควบคุมโรคของไทยยืนยันพบผู้ป่วยสงสัยรายแรกของโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1b ซึ่งเดินทางมาจากแอฟริกา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยมีการเตรียมความพร้อมในการควบคุมการระบาดในประเทศ
การเตือนภัยในระดับสากล
WHO ได้เตือนว่า แม้ไวรัส “เอ็มพ็อกซ์” จะมีความเสี่ยงแพร่ระบาดในระดับโลก แต่ยังเชื่อว่าการควบคุมการระบาดจะทำได้ดีกว่าการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมีข้อมูลและวิธีการรับมือที่ชัดเจนมากขึ้น