มะเดื่อฝรั่ง: ผลไม้มากประโยชน์ที่กำลังได้รับความนิยมในไทย

มะเดื่อฝรั่ง

มะเดื่อฝรั่ง (Fig) หรือที่หลายคนอาจคุ้นเคยในชื่อ “ลูกฟิก” เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับหม่อน (Moraceae) มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตก แต่ปัจจุบันได้แพร่หลายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เริ่มมีการปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลาย

มะเดื่อฝรั่งเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางที่โดดเด่นด้วยผลที่มีรูปร่างกลมแป้นหรือรูปไข่ เปลือกบาง เมื่อสุกจะมีสีสันสวยงามแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ เช่น สีเหลือง แดง หรือม่วงอมดำ เนื้อในสีแดงเข้ม มีเมล็ดเล็กๆ เคี้ยวกรุบๆ และมีรสชาติหวานฉ่ำเป็นเอกลักษณ์

มะเดื่อฝรั่งไม่ใช่ผลไม้ แต่คืออะไร?

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะเดื่อฝรั่งคือ หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นผลไม้ แต่ในทางพฤกษศาสตร์แล้ว มะเดื่อฝรั่งจัดเป็น “ดอกไม้หัวกลับ” โดยส่วนที่เราเห็นและรับประทานกันนั้น แท้จริงแล้วคือส่วนของฐานรองดอกที่เจริญเติบโตห่อหุ้มดอกเล็กๆ จำนวนมากไว้ภายใน และดอกเหล่านั้นก็จะพัฒนาไปเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่เราเคี้ยวได้นั่นเอง

คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพของมะเดื่อฝรั่ง

มะเดื่อฝรั่งไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญมากมาย ทำให้เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ประโยชน์เด่นๆ ของมะเดื่อฝรั่ง ได้แก่:

  • ใยอาหารสูง: เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีเยี่ยม ทั้งใยอาหารที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานปกติ ป้องกันอาการท้องผูก และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: มะเดื่อฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟีนอล ฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังต่างๆ
  • บำรุงกระดูกและฟัน: มีแคลเซียมและโพแทสเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: แม้จะมีรสหวาน แต่มะเดื่อฝรั่งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ และใยอาหารยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน (แต่ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ)
  • บำรุงหัวใจและหลอดเลือด: โพแทสเซียมในมะเดื่อฝรั่งช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและลดความดันโลหิต ช่วยให้หัวใจทำงานปกติ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ป้องกันภาวะโลหิตจาง: เป็นแหล่งของธาตุเหล็กและโฟเลต ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยป้องกันและบรรเทาภาวะโลหิตจาง
  • บำรุงสายตา: มีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
  • ช่วยซ่อมแซมเซลล์ประสาทและกระตุ้นความจำ: มีการศึกษาบางส่วนบ่งชี้ว่าสารอาหารบางชนิดในมะเดื่อฝรั่งอาจมีส่วนช่วยในเรื่องนี้

การปลูกและการดูแลมะเดื่อฝรั่งในประเทศไทย

ในประเทศไทย มะเดื่อฝรั่งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกพื้นที่ เนื่องจากเป็นพืชกึ่งร้อนที่ชอบแสงแดดจัด และทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี แต่มีข้อควรระวังคือไม่ชอบน้ำขัง เพราะอาจทำให้รากเน่าได้

  • สภาพดิน: ควรปลูกในดินที่ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
  • แสงแดด: ต้องการแสงแดดเต็มวัน หรืออย่างน้อยครึ่งวัน
  • การให้น้ำ: ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง
  • การขยายพันธุ์: นิยมใช้วิธีการปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง หรือเสียบยอด เพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรงและให้ผลผลิตเร็ว
  • การดูแล: ควรมีการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง รับแสงได้ทั่วถึง และใส่ปุ๋ยบำรุงตามความเหมาะสม

การนำมะเดื่อฝรั่งมาบริโภค

มะเดื่อฝรั่งสามารถนำมาบริโภคได้หลากหลายรูปแบบ:

  • ผลสด: เป็นวิธีที่นิยมที่สุด สับปะรดสดๆ มีรสชาติหวานฉ่ำ เนื้อนุ่ม เคี้ยวเพลิน
  • แปรรูป: นำไปทำเป็นผลไม้แห้ง แยม ไวน์ หรือเป็นส่วนผสมในขนมหวานต่างๆ
  • อาหารคาว: บางสูตรอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารคาวเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม

มะเดื่อฝรั่งจึงไม่เพียงเป็นผลไม้ที่ให้รสชาติอร่อย แต่ยังเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน หากมีโอกาส ลองหามะเดื่อฝรั่งมารับประทาน หรือลองปลูกไว้ในสวน เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save