โรคหลอดเลือดสมอง มีความเกี่ยวข้องกับ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อย่างชัดเจน เนื่องจากผู้ที่มีค่า BMI สูงเกินมาตรฐาน (มากกว่า 25) มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้ การมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมอง
ดังนั้น การรักษาค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (18.5-24.9) ด้วยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารที่เหมาะสม สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร?
โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่รู้จักในชื่อ Stroke คือภาวะที่เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติ ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร ซึ่งอาจทำให้เซลล์สมองถูกทำลายหรือตายได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โรคนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตและความพิการในผู้ป่วยทั่วโลก
โรคหลอดเลือดสมอง ภาษาอังกฤษ
โรคหลอดเลือดสมองมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Stroke โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
- Ischemic Stroke – หลอดเลือดตีบหรืออุดตัน
- Hemorrhagic Stroke – หลอดเลือดแตก ทำให้เลือดออกในสมอง
อาการของโรคหลอดเลือดสมอง
อาการที่พบได้บ่อยของโรคหลอดเลือดสมองมีดังนี้:
- แขน ขา หรือใบหน้าชาครึ่งซีก
- การพูดติดขัด หรือพูดไม่ชัด
- การมองเห็นผิดปกติ มองไม่ชัด หรือมองเห็นเพียงครึ่งหนึ่งของภาพ
- อาการเวียนศีรษะหรือเสียการทรงตัว
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรงแบบไม่ทราบสาเหตุ
อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองมีสาเหตุหลักจาก:
- ภาวะหลอดเลือดตีบตัน (Ischemic Stroke): เกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง หรือหลอดเลือดสมองตีบจากการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด
- หลอดเลือดแตก (Hemorrhagic Stroke): เกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้เลือดไหลเข้าสู่สมองโดยตรง สาเหตุหลักมาจากความดันโลหิตสูง
วิธีรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองขึ้นอยู่กับชนิดของโรคที่เกิดขึ้น
- Ischemic Stroke (หลอดเลือดตีบตัน): รักษาโดยใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการผ่าตัดเพื่อเปิดทางเดินของหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อลดการเกิดลิ่มเลือด
- Hemorrhagic Stroke (หลอดเลือดแตก): ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหยุดเลือดที่ออกในสมองและควบคุมความดันโลหิตเพื่อลดความเสี่ยงของการแตกซ้ำ
หลังจากการรักษาเบื้องต้น ผู้ป่วยมักจะต้องทำกายภาพบำบัดหรือฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อกลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง