โรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ คืออะไร?
โรคเหงือก และ ปริทันต์อักเสบ ถือเป็นหนึ่งในปัญหาช่องปากที่พบบ่อยและส่งผลร้ายแรงในระยะยาว หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี โดย อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า สาเหตุหลักมาจากแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่อรอบฟัน และอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันในที่สุด
อาการของโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ
โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis)
เป็นการอักเสบที่ยังอยู่เฉพาะบริเวณเหงือก และสามารถรักษาให้หายกลับสู่สภาพปกติได้หากพบแพทย์ทันเวลา โดยอาการที่ควรสังเกต ได้แก่:
- เหงือกมีสีแดงคล้ำ
- เหงือกบวม แปรงฟันแล้วมีเลือดออกง่าย
- มีกลิ่นปากรุนแรงผิดปกติ
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจลุกลามกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ
โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis)
เป็นภาวะที่รุนแรงขึ้น โดยมีการทำลายเนื้อเยื่อรองรับฟัน เช่น เอ็นยึดปริทันต์ และกระดูกเบ้าฟัน ทำให้ฟันโยกหรือหลุดได้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- เหงือกบวม มีหนอง
- ฟันโยกหรือยื่นยาวผิดปกติ
- เคี้ยวอาหารแล้วรู้สึกเจ็บ
- มักไม่มีอาการเจ็บในระยะแรก แต่หากเป็นมากอาจต้องถอนฟัน
วิธีป้องกันโรคเหงือกและปริทันต์อักเสบ
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจลุกลามจนต้องสูญเสียฟัน ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้:
- แปรงฟันให้สะอาดทั่วถึงอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงซอกฟันทำความสะอาดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และขูดหินปูนทุก 6 เดือน
หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ เพราะยิ่งรักษาเร็ว โอกาสหายและป้องกันการสูญเสียฟันก็จะยิ่งสูงขึ้น