วิธีเลือกอะโวคาโดแก่
- ตรวจสอบสี: สีของอะโวคาโดแต่ละชนิดจะแตกต่างกันเมื่อสุก ตัวอย่างเช่น อะโวคาโดพันธุ์หาสจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงเข้มหรือดำ แต่บางพันธุ์เช่น Fuerte แม้จะสุกแล้วก็ยังคงเป็นสีเขียวสดใส
- ทดสอบความนิ่มด้วยการบีบ: บีบเบาๆ อะโวคาโดที่สุกพอดีจะมีความนิ่มเล็กน้อยเมื่อถูกกด หากมันนิ่มเกินไปอาจหมายถึงว่าสุกเกินไป
- ตรวจสอบบริเวณก้าน: ดูที่สีใต้ก้านที่ถอดออก หากเป็นสีเขียวหมายถึงยังไม่สุก ถ้าเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลเขียวแสดงว่าสุกแล้ว
- น้ำหนักและรูปร่าง: เลือกอะโวคาโดที่มีน้ำหนักเหมาะสมและไม่มีรอยบุบหรือเสียหาย
วิธีเก็บอะโวคาโดไม่ให้ดำ
- เก็บอะโวคาโดที่ยังไม่สุกในอุณหภูมิห้องจนกว่าจะเริ่มนิ่ม จากนั้นเก็บในตู้เย็น
- หากตัดอะโวคาโดแล้ว ควรราดด้วยน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเพื่อป้องกันการเปลี่ยนสี และเก็บในภาชนะปิดสนิท
อะโวคาโดห้ามกินกับอะไร
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะโวคาโดร่วมกับผัก หรือ ผลไม้ที่มีสารเทนินสูง เช่น มะกอก และองุ่น เนื่องจากสารเทนินอาจทำให้อะโวคาโดเปลี่ยนสีเร็วขึ้น
ประโยชน์ของอะโวคาโด
อะโวคาโดมีไขมันดีต่อสุภาพในสุขภาพด้วยไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อหัวใจ อุดมไปด้วยโอเมก้า-9 วิตามิน E และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี) ในขณะที่เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี)
อะโวคาโด 1 ลูกมีกี่แคลอรี
อะโวคาโดขนาดกลางหนึ่งลูก (ประมาณ 200 กรัม) มีแคลอรีอยู่ที่ประมาณ 320 แคลอรี
วิธีกินอะโวคาโด
อะโวคาโด สามารถรับประทานได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่ทำเป็นกัวกาโมเล่, โรยหน้าขนมปังปิ้ง, ใส่ในสลัด หรือเติมในสมูทตี้เพื่อเพิ่มความเนียนและรสชาติครีมมี่ นอกจากนี้ยังสามารถแค่หั่นเป็นชิ้นแล้วโรยด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อยเพื่อรับประทานเป็นของว่างหรือเพิ่มเติมในอาหารได้
ด้วยวิธีการเลือกและเก็บรักษาที่เหมาะสม คุณจะสามารถเพลิดเพลินกับอะโวคาโดที่มีคุณภาพและได้ประโยชน์สูงสุดจากผลไม้ชนิดนี้ได้ทุกเวลา!